คำทำนายในยุครัชกาลที่ 10 จะผ่านพ้นให้มี รัชกาลที่ 11 หรือไม่ อาจารย์โอเร่ได้ทำนายเกี่ยวกับอนาคตของ ประเทศไทยโดยเฉพาะในรัชสมัยของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และ สิ่งที่อาจารย์ได้เผยออกมานั้นถือเป็นข้อ มูลที่น่าสนใจและให้ความหวังแก่คนไทยเป็น อย่างมากก่อนที่เราจะเข้าสู่รายละเอียด ของคำทำนายผมขอแนะนำให้ทุกคนติดตามและกด ไลค์กดแชร์คลิปวีดีโอนี้ครับเพื่อเป็น กำลังใจให้กับเราด้วยนะครับอาจารย์โอเร่ นักพยากรณ์และนักโหราศาสตร์ชื่อดังของไทย ที่มีชื่อเสียงมายาวนานท่านมีความเชี่ยว ชาญในการทำนายดวงชะตาการพยากรณ์เหตุการณ์
สำคัญและการมองอนาคตของประเทศชาติสิ่งที่ ทำให้อาจารย์โอเร่เป็นที่รู้จักและได้รับ ความเชื่อถือจากผู้คนจำนวนมากก็คือความ แม่นยำในการทำนายหลายเรื่องที่เคยเกิด ขึ้นในอดีตไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจหรือแม้แต่ภัยพิบัติต่างๆที่ท่าน เคยเตือนไว้ล่วงหน้าอาจารย์โอเร่ใช้ความ รู้ทางโหรศาสตร์ไทยผสมผสานกับภูมิปัญญา โบราณการดูดวงดาวและการตีความสัญญาณต่างๆ จากภัยธรรมชาติเพื่อพยากรณ์เหตุการณ์ที่ จะเกิดขึ้นและก่อนที่เราจะเข้าสู่คำทำนาย โดยตรงเราต้องเข้าบริบทของโลกปัจจุบัน ก่อนครับในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาและอนาคต อันใกล้นี้โรคกำลังเผชิญกับความท้าทายมาก
มายครับเราเห็นในภาพของภัยพิบัติต่างๆที่ เกิดขึ้นทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว สึนามิพายุใต้ฝุ่นที่รุนแรงน้ำท่วมใหญ่ ภัยแล้งและไฟป่าความรุนแรงและความถี่ของ ภัยพิบัติเหล่านี้ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆครับและระบบเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญ กับความผันผวนอัตราเงินเฟ้อที่สูงสาธารณะ ที่ทะลุเพดานระบบการเงินที่มีความเสี่ยง และความเรืเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่เพิ่ม มากขึ้นหลายประเทศกำลังเผชิญกับภาวะ เศรษฐกิจถดถอยครับทั่วโลกมีความขัดแย้ง และสงครามเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ความตึง เครียดระหว่างมหาอำนาจการแข่งขันทาง เศรษฐกิจและการเมืองล้วนสร้างความไม่มั่น
คงให้กับโลกท่ามกลางความวุ่นวายนี้ อาจารย์โอเร่ได้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของประเทศไทยใน ภาวะวิกฤตครั้งนี้ครับอาจารย์โอเร่ได้ ทำนายไว้อย่างชัดเจนว่าในช่วง 2-3 ปีข้าง หน้านี้โลกจะเผชิญกับการพลิกฟ้าพลิกแผ่น ดินทางเศรษฐกิจการล่มสลายของระบบการเงิน เก่าอาจารย์โอเล่กล่าวว่าระบบการเงินแบบ เก่าที่เราคุ้นเคยกันมานานหลายสิบปีอาจจะ เข้าสู่จุดจบหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้น เชิงนี่อาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงในระบบ การเงินระหว่างประเทศบทบาทของสกุลเงิน หลักของโลกหรือแม้แต่รูปแบบการค้าขายและ การลงทุนที่เราคุ้นเคยครับการทำนายนี้สอด
คล้องกับสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคน เริ่มพูดถึงนั่นคือระบบที่อิงกับเงิน ดอลลาร์สหรัฐที่เราครองความเป็นสกุลเงิน สำรองของโลกมากกว่า 70 ปีกำลังเผชิญกับ ความท้าทายใหม่ครับเมื่อระบบการเงินเก่า ร่วมสลับ หรือเปลี่ยนแปลงไปจะมีผลกระทบอย่างมากต่อ เศรษฐกิจโลกอาจจะมีความวุ่นวายในตอนแรกมี การปรับตัวครั้งใหญ่ประเทศต่างๆจะต้องหา ทางปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่แต่อาจารย์ โอเร่มองว่าในความวุ่นวายนี้ก็มีโอกาส ใหม่ๆเกิดขึ้นโดยเฉพาะ สำหรับประเทศที่เตรียมตัวไว้ดีหรือมีราก ฐานที่แข็งแกร่งบางคนอาจตีความว่านี่ที่ อาจหมายถึงการเกิดขึ้นของสกุลหนึ่ง ดิจิทอลของธนาคารกลางการเปลี่ยนแปลงใน
ระบบการชำระระหว่างประเทศหรือการกลับมีบท บาทของทองคำและทรัพย์สินที่จับต้องได้ใน ระบบการเงินครับและสิ่งที่น่าสนใจที่สุด ในคำทำนายของอาจารย์โอเร่ก็คือการมองว่า ประเทศไทยจะเป็นโอกาสทองในช่วงเวลาแห่ง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ อาจารย์โอเร่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวที่ท่านเรียกว่าพระสยามเทวาธิราช จะทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากภัยพิบัติต่างๆ ได้มากกว่าประเทศอื่นคำว่าสยามเทวาธิราช นั้นหมายถึงพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นเทพ ของแผ่นดินสยามเป็นการเรียกขานเพื่อแสดง ถึงความเคารพและศรัทธาอย่างสูงยิ่งในความ
เชื่อทางไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ไทยพระ มหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งพระบารมี เป็นผู้ทรงคุ้มครองปกป้องแผ่นดินและประชา ชนครับอาจารย์กล่าวถึงประเทศไทยในนามของ สุวรรณภูมิซึ่งแปลว่าดินแดนทองเป็นชื่อ โบราณของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวมถึงประเทศไทยการใช้คำว่าสุวรรณภูมิ แสดงถึงความเชื่อว่าดินแดนแห่งนี้มีพลัง พิเศษมีความอุดมสมบูรณ์และมีความ ศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องผู้คนที่อาศัยอยู่ ครับอาจารย์ได้ทำนายว่าแม้โลกจะเผชิญกับ ภัยพิบัติต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นภัย ธรรมชาติสงครามและความรุนแรงจากวิกฤต เศรษฐกิจแต่ประเทศไทยจะรอดพ้นจากสิ่ง
เหล่านี้ได้มากกว่าประเทศอื่นๆนี่ไม่ได้ หมายความว่าประเทศไทยจะไม่มีปัญหาเลยแต่ หมายความว่าความรุนแรงของปัญหาจะน้อยกว่า และเราสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่ามีความยืด หยุ่นในการรับมือกับวิกฤตได้ดีกว่าและ เหตุผลที่ประเทศไทยจะรอดพ้นครับมีหลาย ปัจจัยที่อาจารย์มองว่าจะช่วยให้ประเทศ ไทยผ่านพ้นวิกฤตได้ครับนั่นก็คือพระบารมี และสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสวนรวมจิต ใจของคนไทยและเป็นแรงยึดเหนี่ยวใจในยาม วิกฤตและวัฒนธรรมความเชื่อของคนไทยที่มี ความเข้มแข็งมีความยืดหยุ่นและช่วยเหลือ เกื้อกูลกันทรัพยากรธรรมชาติที่อุดม สมบูรณ์ทำให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองได้
ในระดับหนึ่งตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่เป็น ศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้และอีกประเด็นหนึ่งที่อาจารย์ได้เน้น ย้ำคือประเทศไทยจะรอดพ้นจากสงครามและความ รุนแรงได้มากกว่าประเทศอื่นๆในโลก ปัจจุบันมีความขัดแย้งระหว่างสงครามเกิด ขึ้นในหลายพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป ตะวันออกกลางหรือแม้แม้แต่ในเอเชียความ ตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจโดยเฉพาะระหว่าง สหรัฐอเมริกาและจีนก็เป็นสิ่งที่หลายคน กังวลว่าอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ใหญ่ที่ สุดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดย เฉพาะบริเวณทะเลจีนใต้ก็เป็นจุดที่มีความ ตึงเครียดสูงและมีความเสี่ยงที่จะเกิด
ความขัดแย้งทางการทหารอาจารย์โอเร่มองว่า ประเทศไทยจะสามารถรักษาความเป็น และหลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับความขัด แย้งทางทหารได้ในประวัติศาสตร์ประเทศไทย มีความสามารถในรักษาเอกราชและความเป็น กลางได้ดีแม้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเย็นไทยก็สามารถนำทางผ่านพ้น ความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจในอย่างชาญชรา ในปัจจุบันประเทศไทยดำเนินนโยบายการต่าง ประเทศที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดี กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาจีนหรือประเทศ อื่นๆการรักษาความเป็นกลางและความเป็น สมดุลนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยง การดึงเข้าไปในความขัดแย้งอาจารย์เชื่อ ว่าได้ภูมิปัญญาและดำเนินนโยบายที่ชาน
ชดาษประเทศไทยจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ มีความเสี่ยงสูงนี้ไปได้อย่างปลอดภัยครับ อาจารย์ยังได้ทำนายว่าประเทศไทยจะได้รับ ข่าวดีครั้งสำคัญในช่วงปลายปีข่าวดี อาจารย์รูปแบบการค้นพบทรัพยากรใหม่หนึ่ง ในความเป็นไปได้ที่น่าสนใจคือการค้นพบ ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ที่มีคุณค่าอาจจะ เป็นแหล่งพลังงานเช่นก๊าซธรรมชาติน้ำมัน หรือแร่ธาตุที่สำคัญและหายากที่มีความ ต้องการสูงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทรัพยากรใต้ใต้น้ำในทะเลอันนามันหรือทะเล อ่าวไทยการค้นพบทรัพยากรเหล่านี้จะช่วย ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและ อาจนำให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญมากขึ้นใน
เวทีโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการ สำรวจและค้นพบแหล่งทรัพยากรใหม่ๆในประเทศ ไทยจริงๆทั้งในอ่าวไทยและบริเวณชายแดนการ ค้นพบที่ยิ่งใหญ่อาจกำลังจะมาถึงครับและ อีกข่าวหนึ่งที่อาจารย์ได้กล่าวถึง สถานการณ์ทางการเมืองที่ดีขึ้นในช่วงหลาย ปีที่ผ่านมาการเมืองไทยมีความขัดแย้งและ ความแตกแยกมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อย ครั้งและมีความไม่แน่นอนในหลายเรื่องสิ่ง นี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อ มั่นของประชาชนอาจารย์มองว่าสถานการณ์ บ้านเมืองจะเริ่มมีเสถรภาพมากขึ้นจะมี ความร่วมมือกันมากขึ้นและมีทิศทางที่ชัด เจนขึ้นในพันธุพัฒนาประเทศนี่อาจหมายถึง
การที่มีรัฐบาลที่เข้มแข็งและสามารถทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพการลดความขัดแย้ง ทางการเมืองหรือการปฏิรูปที่นำไปสู่ความ เป็นธรรมและความเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ข่าวดีอาจรวมถึงการได้รับการลง ทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นความสำเร็จใน การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่เช่นเทคโนโลยียาน ยนต์ไฟฟ้าการเป็นศูนย์กลางด้านการท่อง เที่ยวและการบริการในภูมิภาคความสำเร็จใน การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตัคำทำนายของอาจารย์ โอเร่นั้นเป็นข้อมูลที่ให้ความหวังและ ความมั่นใจแก่คนไทยแต่เราควรตีความระดับ ข้อมูลเหล่านี้อย่างไรครับคำทำนายเป็น เพียงแนวทางเราควรเข้าใจว่าคำทำนายใดๆก็
ตามล้วนเป็นเพียงแนวทางและความเป็นไปได้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอน 100% อนาคต นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับการ กระทำของคนเราในปัจจุบันแม้คำทำนายจะบอก ว่าประเทศไทยจะรอดพ้นจากวิกฤตแต่นั่นไม่ ได้หมายความว่าเราจะนั่งนิ่งและรอให้สิ่ง ดีๆเกิดขึ้นเองเราทุกคนต้องร่วมมือกันทำ งานหนักและสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับประเทศ ครับ และไม่ว่าเราจะเชื่อหรือไม่เชื่อคำทำนาย สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือประเทศไทยมีศักยภาพ มหาศาลเรามีทรัพยากรวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง มีคนที่สามารถและที่สำคัญเรามีสถาบันพระ มหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจในยามที่ โลกเผชิญกับความท้าทายนั่นคือโอกาสสำหรับ
ผู้ที่เตรียมพร้อมประเทศไทยอยู่ในตำแหน่ง ที่ดีมีโอกาสที่จะเติบโตและมีบทบาทสำคัญ มากขึ้นในเวทีโลกแต่ทั้งหมดนี้ครับจะเกิด ได้ขึ้นต่อเมื่อทุกคนร่วมมือกันครับลด ความขัดแย้งเพิ่มความสามัคคีพัฒนาตนเอง และทำงานหนักเพื่อประเทศชาติอาจารย์โอเร่ มักจะกล่าวเสมอว่าด้วยพระบารมีของพระองค์ ท่านและด้วยความดีของคนไทยทุกคนประเทศไทย จะผ่านพ้นวิกฤตทุกอย่างไปได้และจะเจริญ รุ่งเรืองยิ่งขึ้นเราจึงควรมีความหวังมี ความมั่นใจและไม่ประมาทเราต้องทำงานหนัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกันและร่วมกันสร้าง อนาคตที่สดใสให้กับประเทศไทยครับ คำทำนายโบราณ
ประเทศไทยจะไร้พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 11 คือใครกันแน่ วันนี้เราจะพาทุกท่านย้อนเวลากลับไปสู่ อดีต เพื่อถอดรหัสคำทำนายโบราณที่ถูกกล่าวขาน มานานกว่า 200 ปีคำทำนายที่มีการพูดถึง ชะตาของประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึง ปัจจุบันและอาจถึงอนาคตอันใกล้นี้ขอต้อน รับทุกท่านเข้าสู่ถอดรหัสคำทำนายโบราณ ถิ่นกาขาวชาวศรีวิไล อยู่ตรงไหนของคำพยากรณ์ บทสนทนาที่อาจจะเปลี่ยนมุมมองของคุณต่อ สถานการณ์บ้านเมืองไปตลอดกาล [ปรบมือ] ที่มาของคำทำนายและความเชื่อมโยงกับชื่อ พรรคการเมืองในช่วงต้นเดือนสิงหาคมปี 2567 กระแสการเมืองไทยเกิดความเคลื่อนไหวครั้ง ใหญ่หลังจากมีการยุบพักก้าวไก่ทำให้เกิด
การคาดการณ์ว่าสมาชิกสภาพาผู้แทนราษฎรของ พรรคดังกล่าวจะย้ายไปอยู่ในพรรคการเมือง ใหม่ที่มีชื่อว่าถิ่นกาขาวชาวศรีวิไลแต่ สุดท้ายทางพรรคได้ยืนยันเป็นทางการว่า พรรคประชาชนคือชื่อใหม่ของอดีตพรรคก้าไก่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือทำไมช่วงเวลาหนึ่ง จึงมีการพูดถึงชื่อถิ่นกาขาวชาวศรีวิไล อย่างกว้างขวางคำตอบนั้นโยงใจไปถึงคำ ทำนายโบราณของประเทศไทยที่มีการกล่าวถึง มานานกว่า 200 ปีและถูกเชื่อว่าเป็นคำ ทำนายเกี่ยวกับอนาคตของประเทศไทยทั้ง 10 ราชการ กำเนิดคำทำนายตนฉบับจากพระเกจิชื่อดัง คำทำนายที่เราจะกล่าวถึงนี้มีต้นฉบับที่ น่าสนใจ 2 แหล่งแหล่งแรกเป็นของสมเด็จพระ พุทธจารย์โตพรหมรังสีพระเกจิชื่อดังใน
สมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งถูกค้นพบหลังจากท่านมรณภาพในปีพ.ศ. 2415 คำทำนายของท่านมี 10 คำได้แก่ มหาการผ่านยักษ์รักมิตรสนิทธรรมจำแขนขาด ราดจนชนร้องทุกข์ยุคทมิฬถิ่นกาขาวชาว ศรีวิไล ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการทำนายสภาพบ้าน เมืองของประเทศไทยในแต่รัชกาลอีกแหล่ง หนึ่งคือคำทำนายใหม่ในสมุดข่อยของพระ พุทธโฆษาจารย์ หลวงพ่อใหญ่เกจิชื่อดังสมัยอยุธยาซึ่งถูก อ่านและเล่าโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำในปีพ.ศ. 2518 เป็นคำทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ในอนาคตข้างหน้าแต่ละราชการ น่าสนใจว่าคำทำนายจากแหล่งที่มาต่างกัน
กลับมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาด และหลายคำทำนายสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ ถอดรหัสคำทำนายธีระราชการกันลองมาดูกัน ว่าคำทำนายแต่ละข้อสอดคล้องกับเหตุการณ์ ในแต่ละรัชกาลอย่างไรรัชกาลที่ 1 มหาการ ผ่านมหายักษ์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราชทรงปราบปรามความวุ่นวายในกรุง ธนบุรีหลังสมเด็จพระเจ้าตากสิน์มหาราชทรง วิกลจริตก่อนจะขึ้นครองราชย์เป็น ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีและทรงนำพา บ้านเมืองผ่านช่วงเวลาวิกฤตอันเปรียบ เสมือนมหากาลที่ตกอยู่ท่ามกลางศึกสงคราม มาต่อกันที่รัชกาลที่ 2 คำทำนายรู้จัก ธรรมบ้านเมืองสงบทำให้พระสงฆ์มีเวลาสะสาง
พระไตรปิฎกค้นคว้าพระธรรมวินัยมารวบรวม ไว้แต่สมเด็จพระพุทธาจารย์เห็นต่างว่า เป็นยุคผ่านยักษ์เพราะได้เห็นเหตุการณ์ ที่เกิดอาหิวาตักกโรค ขังรุนแรงศพรอยเกื่อนตามลำน้ำจนใช้อาบกิน ไม่ได้ รัชกาลที่ 3 คำทำนายจำต้องคิดมีการเปิด ให้ฝรั่งเข้ามาเพียงไม่กี่คนแต่กลับมี ความวุ่นวายทูตต่างชาติเรียกร้องทุกอย่าง รัชกาลที่ 3 จึงทรงเก็บเงินกำไรจากการค้า สำเภาใส่ถุงแดงรับสังงับว่าเอาไว้ไทย ประเทศก็ได้ใช้ไทยจริงจากฝรั่งเศสรัชกาล ที่ 4 คำทำนายสนิทธรรม รัชกาลที่ 4 ทรงราพนวจากเจ้าอาวาสมาขึ้น ครองราชย์และยังทรงเคร่งครัดส่งชุดขาวถือ ศีล 8 ฟังธรรมทุกวันพระสมเด็จโตซึ่งอยู่
ในช่วงเวลานี้เป็นคู่ถกคู่เทศน์กับรัชกาล ที่ 4 รัชกาลที่ 5 คำทำนายจำแขนขาดเป็น ยุคที่ประเทศไทยถูกอิทธิพลของลัทธิ ราอานิคมอังกฤษและฝรั่งเศส เล่นแต่รัชกาลที่ 5 ทรงยอมเสียดินแดนบาง ส่วนเพื่อรักษาความเป็นเอกราชของชาติไทย ไว้ รัชกาลที่ 6 คำทำนายราชราชาโจรรัชกาลที่ 6 ทรงมีน้ำพระทัยเมตตาต่อข้าราชบริพารทำให้ บางคนโชยโอกาสกอบโกยความมั่งคั่งหมู่ ราษฎรมีแต่ความยากจนแต่เหมือนทรงเลี้ยง โจรปล้นราษฎรแต่หลวงพ่อฤาษีดึงดำเห็นว่า ทรงเป็นนักชาตินิยมมีพระปรีชาสามารถปลุก ใจประชาชนให้รักชาติบ้านเมืองทรงเป็นนัก ประชาธิปไตย รัชกาลที่ 7 คำทำนายนั่งทนทุกข์พระองค์
เสวยรสอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอ เงินในท้องพระคังก็หมดทรงประทับอยู่บนกอง ทุกข์ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวนมาก ต้องจำพระทัยสลสมบัติไปนั่งทนทุกข์อยู่ ต่างแดนรัชกาลที่ 8 คำทำนายยุคทมิฬบ้าน เมืองอยู่ในสภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ประชาชนตกอยู่ในสภาพอดอยากยากแค้นแสน สาหัสมีคดีรอบปงพระชนม์จนสวรรคตสถานการณ์ ทางบ้านเมืองเผด็จการเต็มรูปแบบมีการสั่ง จับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามในข้อหากบฏ รัชกาลที่ 9 คำทำนายถิ่นกาขาวเป็นยุคที่ มีฝรั่งเข้ามาเมืองไทยมากที่สุดนอกจากนัก ธุรกิจผู้เกษียณอายุที่มายึดเอาเมืองไทย เป็นเรือนตายแล้วยังมีนักท่องเที่ยวไหล
บ่าเข้ามาอย่างมหาศาลจนเมืองไทยดังไปทั่ว โลกรัชกาลที่ 10 ชาววิไลและคำทำนายสุด ท้ายคือรัชกาลที่ 10 ชาววิไลมีการตีความ หมายหลังจากผ่านยุคเขญมาแล้วบ้านเมืองจะ ได้ประสบความเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง สมบูรณ์เหมือนอาณาอารยประเทศ ชาววิไลมาจากคำว่าสิวิไลซึ่งหมายถึงความ เจริญรุ่งเรืองสงบสุขร่มเย็นแต่ในสมัย กรุงศรีอยุธยาใช้คำว่าชาววิไล ซึ่งหมายถึงความงามหรือคนที่สมัยก่อน เรียกว่ายุคพระศรีอาจซึ่งในปัจจุบันอาจตี ความได้ว่ายุคโซเชียล คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือประเทศไทย เดินทางมาถึงยุคชาวศรีวิไลแล้วหรือยังจาก สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงมีความ วุ่นวายประชาชนเกิดความไม่พอใจกับการทำ
งานของหน่วยงานรัฐและความขัดแย้งที่ยังคง มีให้เห็นทั่วไปทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า เราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้ายุคชาววิไล หรือยังหรือยังคงอยู่ในช่วงวิกฤตที่ยัง ฝ่าฟันไปให้ถึงยุคนั้นอีกประเด็นหนึ่งที่ มีการถกเถียงคือการตีความเรื่องจำนวน ราชการมีความเชื่อผิดๆว่าราชวงศ์จักรีจะ มีเพียง 10 ราชการแต่จากการสอบถาม 3 พระ อาจารย์ต่างๆที่ได้เข้าถึงขั้นอภิญญายืน ยันตรงกันว่าพระมหากษัตริย์จะคงมีอยู่คู่ กับชาติไทยตลอดไปอีกนานแสนนานสาเหตุที่ ไม่มีคำทำนายต่อจากรัชกาลที่ 10 เพราะ เชื่อว่าบ้านเมืองหลังจากนี้จะมั่งคั่ง สมบูรณ์ตลอดไปไม่จำเป็นต้องมีคำทำนายอีก
ย้อนกลับมาครับที่ประเด็นชื่อพรรคการ เมืองถิ่นกาขาวชาววิไลที่มีการพูดถึงใน ช่วงก่อนหน้านี้ชื่อนี้มีความเชื่อมโยง กับคำทำนายที่เราได้พูดถึงอย่างชัดเจนคือ การนำคำทำนายของรัชกาลที่ 9 ถิ่นกาขาวและ รัชกาลที่ 10 ชาววิไลมาร่วมกันแม้สุดท้าย แล้วชื่อพรรคประชาชนจะถูกเลือกเป็นชื่อ อย่างเป็นทางการแทนแต่การที่มีการพูดถึง ชื่อถิ่นกาขาวชาววิไลอย่างกว้างขวาง สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยยังคงให้ความ สำคัญกับคำทำนายโบราณและพยายามเชื่อมโยง เหตุการณ์ปัจจุบันเข้ากับสิ่งที่ถูกทำนาย ไว้ในอดีตหากพิจารณาคำทำนายที่ผ่านมาจะ เห็นว่าหลายคำทำนายจะมีความใกล้เคียงหรือ
สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ รัชกาลอย่างน่าประหลาดแต่ตีความย่อมขึ้น อยู่กับความมุมมองและความเชื่อของแต่ละ บุคคลคำถามสำคัญที่เราต้องถามตัวเองคือ ประเทศไทยกำลังเดินทางไปสู่ยุคชาววิไล อย่างที่ถูกทำนายไว้จริงหรือไม่และหาก เป็นเช่นนั้นเราจะมีบทบาทอย่างไรในการ ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุถึงสภาพ สังคมที่เจริญรุ่งเรืองสงบสุขและเป็นธรรม อย่างแท้จริงไม่ว่าคำทำนายจะเป็นจริงหรือ ไม่แต่สิ่งที่แน่นอนคืออนาคตของประเทศไทย อยู่ในมือของพวกเราทุกคนการสร้างสังคมที่ เป็นชาววิไลอย่างแท้จริงนั้นไม่ใช่เพียง แค่รอให้คำทำนายเป็นจริงแต่เป็นความรับ
ผิดชอบร่วมกันของคนทั้งชาติที่จะต้องร่วม มือกันสร้างสรรค์สังคมไทยให้เจริญก้าว หน้าเพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดี กว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการ เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หลายคนสงสัยถึงอนาคตของสถาบันพระ มหากษัตริย์และทิศทางของประเทศคำถามที่ มักถูกถามคือใครจะเป็นรัชกาลที่ 11 หรือ แม้กระทั่งจะมีสถาบันพระมหากษัตริย์คง อยู่ในอนาคตหรือไม่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติพระราชโอรสในพระ บาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาล ที่ 10 สมเด็จพระเจ้าลูกาเธอเจ้าฟ้า ทีปังกรประสูติเมื่อวันที่ 29 เมษายนปี
พ.ธศักราช 2548 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์เดียวในพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและตามกฎมณเฑียนบ้าน ปีพ.ศ. 2467 พระองค์ทรงเป็นรัชทายาทที่จะสืบราชสมบัติ ในอนาคตพระองค์ทรงพะเยาได้รับการศึกษาที่ โรงเรียนจิตลดาทรงร่วมพระราชพิธีสำคัญและ มีพระราชกรณียกิจร่วมกับพระบรมราชนกทรง เป็นความหวังของประชาชนที่สนับสนุนสถาบัน พระมหากษัตริย์ในการสืบทอดพระราชปณิธาน ของพระบรมราชวงศ์จักรีวงศ์เป็นที่น่าสนใจ ว่าคำทำนายโบราณเชื่อกันว่ามาจากพระ สมเด็จพระพุทธจารย์โตและพระพุทธโฆษาจารย์ ได้กล่าวถึงความเป็นไปของราชวงศ์จักรี ทั้ง 10 รัชกาลโดยมีข้อความว่ามหาการผ่าน ยักษ์รักมิตรสนิทธรรมจำแขนขาดราดจนชนร้อง
ทุกข์ยุคทมิฬถิ่นกาขาวชาววิไลคำทำนายที่ รัชกาลที่ 9 ว่าถิ่นกาขาวหมายถึงยุคที่มี ชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันตกเข้ามาใน ประเทศไทยมากที่สุดคำทำนายรัชกาลที่ 10 ว่าชาววิไลหมายถึงยุคแห่งการเจริญ รุ่งเรืองสงบสุขร่มเย็นแต่สิ่งที่ทำให้ หลายคนสงสัยคือคำทำนายหยุดเพียงแค่รัชกาล ที่ 10 แล้วไม่มีการกล่าวถึงรัชกาลต่อไป มีความเห็นแตกต่างกันหลายประการเกี่ยวกับ อนาคตของราชวงศ์จักรีแนวคิดการสืบทอด ราชบัลลังก์ตามประเพณีตามประเพณีและกฎ มณเฑียนบ้านสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า ทีปังกรรัศมีโชติจะเป็นรัชทายาทที่จะขึ้น ครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 11 พระองค์ได้รับ
การเตรียมพระองค์ให้เป็นพระมหากษัตริย์ใน อนาคตและมีพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ที่จะถวายการสนับสนุนเมื่อถึงเวลาผู้ สนับสนุนมุมมองนี้เชื่อว่าสถาบันพระ มหากษัตริย์เป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมและ ประวัติศาสตร์ชาติไทยจะคงอยู่ดำรงต่อไป เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยและมีมุม มองเรื่องการเปลี่ยนแปลงรูปการปกครองใน ขณะเดียวกันบางกลุ่มที่สนับสนุนการปฏิรูป สถาบันกษัตริย์หรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ การปกครองมองว่าโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยน แปลงไปมากหลายประเทศได้ยกเลิกระบอบ กษัตริย์หรือปรับเปลี่ยนให้มีอำนาจน้อยลง ในอนาคตประเทศไทยอาจจะเผชิญกับแรงกดดัน
ให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์หรือ เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง น่าสนใจที่ว่ากรณีที่คำทำนายกล่าวถึง เพียง 10 รัชกาลอาจมีการตีความในหลายแนว ทาง 1 อาจหมายถึงการสิ้นสุดของราชวงศ์ จักรีบ้าบางคนตีความว่าการที่คำทำนายมี เพียง 10 รัชกาลอาจหมายความว่าจะไม่มี รัชกาลที่ 11 2 บ้านเมืองจะรุ่งเรือง ถาวรอีกการตีความหนึ่งคือไม่จำเป็นต้อง ทำนายต่อเพราะหลังจากรัชกาลที่ 10 ประเทศ ไทยจะเข้าสู่ยุคชาววิไลอย่างถาวรเป็นยุค แห่งความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุข 3 มี ความเชื่อจากพระอาจารย์หลายรูปว่าพระ มหากษัตริย์จะคงมีอยู่คู่กับชาติไทยต่อไป
อีกนานมิได้มีเพียง 10 พระองค์การทำนาย กล่าวถึงรัชกาลที่ 4 เป็นยุคชาววิไลหมาย ถึงความเจริญรุ่งเรืองแต่ในความเป็นจริง ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายหลาย ประการ 1 ความขัดแย้งทางการเมืองสังคมไทย มีความแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรงมีการ เรียกร้องการปฏิรูปทางการเมืองและสถาบัน ต่างๆ 2 วิกฤตเศรษฐกิจการเติบโตทาง เศรษฐกิจที่ชะลอตัวความเหลื่อมล้ำที่ เพิ่มสูงขึ้นและปัญหาหนี้หัวเรือน 3. การ เปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก สงครามการค้าโรคระบาดและความท้าทายใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บทสรุปนะครับอนาคตของสถาบันพระ
มหากษัตริย์ไทยและรัชกาลที่ 11 ยังเป็น เรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างแน่ชัด สังคมไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่ทั้งในด้านเศรษฐกิจการเมืองและ สังคมคำถามสำคัญคือประเทศไทยจะเดินหน้าไป สู่ยุคชาววิไลตามคำทำนายได้จริงหรือไม่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกร รัศมีโชติจะทรงขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาล ที่ 11 หรือประเทศไทยจะเผชิญกับการ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สิ่งสำคัญคือคนไทย ทุกคนควรตระหนักถึงความสำคัญของ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติขณะเดียว กันก็ต้องพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของ โลกสมัยใหม่เพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าว
ไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนครับ ก่อนจากกันวันนี้ฝากกดไลค์กดแชร์และกดติด ตามช่องจับเรื่องมาเล่าchannลด้วยนะครับ เรื่องราวที่เล่าทุกตอนเหล่าตั้งใจสืบค้น จากคำบอกเล่าและตำนานและเรื่องจริงจากพระ เกจิผู้เปลี่ยมด้วยเมตตาหากผิดพลาดประการ ใดขออภัยไว้ณที่นี้ด้วยนะครับแล้วพบกัน ใหม่ในตอนต่อไปครับที่นี่คือจับเรื่องมา
